ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางรัฐบาลมีการปลดล็อก กัญชาถูกกฏหมาย อย่างเสรีให้สามารถนำมาใช้ นำเข้า จำหน่าย ถือครอง และเพาะพันธุ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีความผิดฐานครอบครองสารเสพติดอีกต่อไปแล้ว หลายๆ คนยังคงเข้าใจผิดถึงจุดประสงค์ในการปลดล็อกครั้งนี้ว่า สามารถนำไปใช้งานได้ตามที่ต้องการ แต่จริงๆ ยังมีข้อควรระวังอยู่อีกหลายข้อที่คุณควรทราบ ก่อนจะทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
หัวข้อแนะนำ
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการถือครองและนำไปใช้
ถึงแม้ว่าระเบียบจัดการ กัญชาถูกกฎหมาย จะถูกนำมาปรับใช้อย่างกว้างขวางในประเทศไทยแล้วในปัจจุบัน แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ 2 ประการด้วยกันที่ต้องทราบ หากไม่อยากถูกดำเนินคดีในข้อหาถือครองสารเสพติด ซึ่งก็คือ ปริมาณสารสกัด THC ต้องไม่เกิน 0.2%
หากมากกว่านั้นจะถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ สารสกัดกัญชาที่น้อยกว่า 0.2% สามารถถือครอง จำหน่าย นำเข้าและใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่สามารถนำเข้ากัญชาในลักษณะของ ดอกกัญชา และ ต้นเต็มวัย สามารถนำเข้าได้เพียงแค่เมล็ดพันธุ์เท่านั้น
เหตุผลหลักที่ไทยเดินหน้าผลักดันกัญชาถูกกฎหมาย
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา ต้องการผลักดันให้กัญชา กระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดอันตรายในประเทศไทย เหตุผลเนื่องจากต้องการลดจำนวนผู้ต้องขังในคดียาเสพติด ซึ่งเมื่อตรวจสอบกับทางกระทรวงสาธารณสุขแล้วก็เห็นตรงไปในทิศทางเดียวกัน
เพราะว่าสารสกัดจากกัญชาไม่ได้ส่งผลร้ายเพียงอย่างเดียว เป็นสารที่ต้องระวังเมื่อมีการใช้ในระยะยาว รวมถึงยังส่งผลกับตัวผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งเมื่อสามารถผลักดัน กัญชาถูกกฎหมาย ได้สำเร็จแล้ว โทษต่าง ๆ ที่ตามมาเกี่ยวกับการถือครอง จำหน่ายหรือนำกัญชาไปใช้ จะทำให้ปริมาณนักโทษในคุกลดลงด้วย เพื่อเป็นการลดภาระของรัฐบาล และมุ่งเน้นไปที่คุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวมจะดีกว่า
หลังจากกัญชาถูกกฎหมาย อุตสาหกรรมกัญชาเป็นอย่างไรบ้าง
อ้างอิงจากข้อมูลนำร่องของการทำ กัญชาถูกกฎหมาย จากประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีการออกกฎหมายในรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้สามารถถือครอง ใช้งาน และจำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้วพบว่า อัตราการจ้างงานสูงขึ้นทันทีในปีถัดไป
เนื่องจากกระบวนการผลิตและการจำหน่าย รวมถึงความต้องการในการขนส่งมีเพิ่มขึ้น เกิดเป็นปฏิกิริยาห่วงโซ่ที่ทำให้เศรษฐกิจในรัฐแคลิฟอร์เนียกระเตื้องขึ้นมาในทันที หลังจากที่ปีก่อนหน้านั้นเกิดปัญหาการตกงานเข้าขั้นวิกฤติ และยังคาดว่าอัตราการจ้างงานที่เกิดจากการผลักดัน กัญชาถูกกฎหมาย นั้น จะสูงขึ้นในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย และจะกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินงานได้ง่ายขึ้นในไม่ช้า
อีกหนึ่งเหตุผลที่สนับสนุนว่าการทำกัญชาถูกกฎหมายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
จากการบันทึกสถิติอาการป่วยของผู้ป่วยยาเสพติดพบว่ามี ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาจากการใช้สารเสพติดแอมเฟตามีนมากถึง 49.47% และผู้ป่วยจากการดื่มแอลกอฮอล์หนักถึง 22.87% ในขณะเดียวกันพบว่าผู้ป่วยจากการใช้กัญชามีเพียงแค่ 8.49% เท่านั้น เมื่อเทียบกับสารเสพติดประเภทอื่น ๆ อีก 19.17% และพบว่าอาการป่วยของผู้ป่วยจากการเสพติดกัญชาไม่ได้มีอาการรุนแรงเท่าสารเสพติดประเภทอื่น ยกตัวอย่างอาการเช่น
- เกิดความวิตกกังวลทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้ หูแว่ว ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- หมกมุ่นจนไม่มีสมาธิทำอย่างอื่นได้ สมาธิสั้น เสียการทรงตัว
- เกิดอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง น้ำหนักตัวลด
- อสุจิในเพศชายน้อยลง
- สามารถเกิดโรคมะเร็งได้ง่ายกว่า เมื่อสูบต่อไปในระยะยาว
ประโยชน์ของกัญชารักษาโรค สาร THC และ CBD เมื่อใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ
สารสกัด THC และ CBD เป็นสารสกัด 2 ประเภทที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเมื่อนานมาแล้ว ไม่ว่าจะใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมของสเปรย์ช่วยผ่อนคลายและทำให้นอนหลับง่าย เครื่องพ่นไอระเหย ใช้ในอาหารและยาในทางการแพทย์ เพราะเมื่อนำมาสกัด THC และ CBD ในปริมาณที่พอดี
จะส่งผลในด้านดีให้กับตัวผู้ป่วย หรือผู้ที่ต้องการการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงได้ ด้วยปัจจุบันที่ กัญชาถูกกฎหมาย แล้วเพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากจะแบ่งคุณประโยชน์ของการใช้กัญชาแล้วล่ะก็ จะสามารถแบ่งตามสารสกัดได้ดังนี้
สาร THC (Tetrahydrocannabinol)
มีฤทธิ์ในการกล่อมประสาท ทำให้นอนหลับง่าย ลดอาการตึงเครียดสำหรับผู้ป่วยและสามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียนสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้สารเคมีในการบำบัด เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่สามารถใช้ยามาตรฐานได้ ลดอาการเบื่ออาหารในผู้ติดเชื้อ HIV ได้ และยังสามารถรักษาอาการปวดจากโรค MS ในระยะสุดท้ายได้ด้วย เนื่องด้วย กัญชาถูกกฎหมาย แล้วนั้น จึงทำมีการนำสารชนิดนี้มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
สาร CBD (Cannabidiol)
มีฤทธิ์ลดการอักเสบของแผล ทำให้ไม่ปวด ลดอาการคลื่นไส้และชักเกร็งได้ ส่วนสำคัญของสารสกัดประเภทนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย กัญชาในปริมาณที่พอดียังสามารถยับยั้งอาการลมบ้าหมู และผู้ป่วยที่มีอาการโรคซึมเศร้า เป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญในการให้ยาผู้ป่วยไบโพลาร์ รวมถึงช่วยทำให้ผู้ที่มีพฤติกรรมรุนแรงจากระบบประสาทสงบลงได้ เพราะ กัญชาถูกกฎหมาย ส่งผลดีด้านการแพทย์อย่างมาก สารสะกัดเหล่านี้จึงถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
สรุป
การผลักดัน กัญชาถูกกฎหมาย นั้น โดยภาพรวมแล้วส่งผลดีต่อสังคมมากกว่า ในเรื่องของการรักษาโรคที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องใช้กัญชาเพื่อให้นอนหลับ และยังเป็นการผลักดันให้เกิดการจ้างงาน และอุตสาหกรรมที่ส่งผลเป็นทอด ๆ ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ลดปัญหานักโทษจากสารเสพติดล้น และภาระค่าใช้จ่ายรัฐ อีกทั้งยังสนับสนุนให้มีการให้ข้อมูลการใช้งานอย่างระมัดระวังที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย